ลักษณะทั่วไปของปลาบึก
(Morphology) |
ปลาบึกเป็นปลาขนาดใหญ่
มีรูปร่างเพรียวขาวแบนข้างเล็กน้อย
ลูกปลาบึกขนาดเล็กมีสีคล้ำเหลือบเหลือง
ข้างลำตัวมีแถบสีคล้ำตามยาว
1 2
แถบ
ครีบหางตอนบนและล่างมีแถบสีคล้ำตามยาว
ในปลาขนาดใหญ่ด้านหลังของลำตัวจะมีสีเทาอมน้ำตาลแดง
ด้านข้างเป็นสีเทาปนน้ำเงินและจางกว่าด้านหลัง
เมื่อค่อนลงมาทางท้องสีจะจางลงเรื่อย ๆ จนเป็นสีขาวเงิน
ตามลำตัวมีจุดสีดำค่อนข้างกลมกระจ่ายอยู่ห่าง ๆ
กันเกือบทั่วตัว
บริเวณจงอยปากมีรูจมูก
2
คู่
ตั้งอยู่บนริมผีปากทางด้านข้างจงอยปาก
คู่หน้าอยู่ชิดกันมากกว่าคู่หลัง
นัยตาของปลาบึกมีขนาดเล็กอยู่เป็นอิสระไม่ติดกับขอบตามีเส้นผ่านศูนย์กลาง
1
ใน
20
เท่า
ของความยาวหัว
ตำแหน่งของนัยตาอยู่ต่ำกว่าระดับมุมปาก
ลูกตามีหนังบาง ๆ
คลุมด้านขอบเล็กน้อยเปิดเป็นช่องรูปกลมที่กึ่งกลางกะโหลกมีจุดสีขาวขนาดเดียวกับตา
1
จุด
ครีบหลัง
มีสีเทาปนดำ
จุดเริ่มต้นของครีบหลังอยู่ล้ำหน้าจุดเริ่มต้นของครีบท้อง
แต่ไม่ถึงกึ่งกลางของลำตัว
ก้านครีบแข็งเป็นเงี่ยงแต่สั้นและทู่ลงเมื่อมีขนาดใหญ่ขึ้น
ครีบอก
มีสีเทาปนดำอยู่ค่อนข้างต่ำ
ประกอบด้วยก้านครีบแข็งใหญ่
1
อัน
ซึ่งปลายโค้งงอได้ไม่แข็งเป็นเงี่ยง
หรือหยักเป็นฟันเลื่อย
ก้านครีบอ่อนมีจำนวน
10
อัน
ความยาวครีบอกมีขนาดเท่าหรือเกือบเท่ากับความยาวครีบหลัง
คือมีความยาวครึ่งหนึ่งของหัว
ครีบท้อง
มีสีเทาอ่อน
มีก้านครีบโค้งงอได้
1
อัน
มีก้านครีบอ่อนจำนวน
7
อัน
ครีบก้น
มีสีเทาอ่อน
มีก้านครีบแข็งที่โค้งงอได้
5
อัน
ก้านครีบอ่อน
29 32
อัน
ครีบไขมัน
มีสีเทาปนดำ
มีขนาดเล็กอยู่ค่อนไปทางครีบหาง
ครีบหาง
มีสีเทาปนดำ
ขนาดอ่อนข้างสั้นเว้าลึก
ส่วนของแพนหางบนและล่างมีขนาดเท่ากัน
ปลาบึกชอบอาศัยอยู่ในบริเวณที่มีระดับน้ำลึกกว่าสิบเมตร
พื้นท้องน้ำเต็มไปด้วยก้อนหินและโขดหินสลับซับซ้อนกัน
ยิ่งมีถ้ำใต้น้ำด้วยแล้วปลาบึกจะชอบมากที่สุด
ปลาบึกขนาดใหญ่อาศัยอยู่ในระดับน้ำที่ลึกอาศัยถ้ำใต้น้ำเป็นที่หลบซ่อนตัว
นอกจากนี้ยังได้ตะไคร่น้ำที่ขึ้นตามโขดหินกินเป็นอาหาร
ปลาบึกมีเฉพาะในแม่น้ำโขงเพียงแห่งเดียวเท่านั้น
แม้ว่าบางครั้งอาจจับปลาบึกได้จากแม่น้ำสายใหญ่ ๆ
ที่เป็นสาขาของแม่น้ำโขง
เช่น
แม่น้ำสงคราม
จังหวัดนครพนม
แม่น้ำมูล
จังหวัดอุบลราชธานี
แม่น้ำงึมแขวงนครเวียงจันทร์
ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ปลาที่จับได้เชื่อแน่ว่าเป็นปลาที่เข้าไปหากินในลำน้ำเป็นการชั่วคราว
ปลาบึกอาศัยในแม่น้ำโขงนับตั้งแต่ประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีนลงมาจนถึงเมียนม่าร์
สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ไทย
สารธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนกัมพูชา
และสาธารณรัฐเวียดนามตอนใต้
แต่ไม่เอยปรากฏว่าพบในบริเวณน้ำกร่อยหรือบริเวณปากแม่น้ำโขงที่ไหลออกสู่ทะเลจีนใต้
ประเทศไทยพบว่าปลาบึกอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขงตอนที่กั้นพรมแดนไทยโดยตลอด
คือนับตั้งแต่อำเภอเชียงแสน
จังหวัดเชียงราย
ลงไปจนถึงอำเภอโขงเจียม
จังหวัดอุบลราชธานี
แหล่งที่พบปลาบึกอาศัยอยู่ชุกชุมมากที่สุดอยู่ในเขตท้องที่จังหวัดหนองคาย
โดยเฉพาะวังปลาบึกหรืออ่างปลาบึกบ้านผาตั้ง
อำเภอศรีเชียงใหม่
ซึ่งเป็นถิ่นที่อยู่ของปลาบึกมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์ในสมัยเมื่อ
40
ปีก่อน
เฉพาะวังปลาบึกเคยจับปลาบึกได้ไม่ต่ำกว่าปีละ
40 50
ตัว
ส่วนปลาบึกที่จับได้ที่จังหวัดเชียงราย
ชาวประมงเชื่อว่าเป็นปลาที่อพยพย้ายถิ่นมาจากวังปลาบึกที่หลวงพระบาง
ขั้นตอนการดำเนินการเพาะพันธุ์ปลาบึกจากพ่อแม่พันธุ์ที่จับได้จากแม่น้ำโขง
1.
การดูแลพ่อแม่ปลาบึกหลังจากที่จับได้
ใช้เชือกในลอนร้อยเข้าทางปากออกทางเหงือกผูกติดกับลำไม้ไผ่เพื่อพยุงตัวปลาป้องกันตัวปลาไม่ให้จมลงและป้องกันไม่ให้ปลาดิ้นมาก
สามารถจะรักษาให้พ่อ
แม่ปลามีชีวิตอยู่ได้นาน
5 7
วัน
2.
การฉีดฮอร์โมนเพื่อการผสมเทียม
การฉีดฮอร์โมนผสมเทียมปลาบึกในระยะแรก ๆ
ใช้ต่อมใต้สมองของปลาไนและปลาสวาย
ซึ่งใช้ต่อมจำนวนมากต่อมาปี
2535
จึงได้เปลี่ยนเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์
LHPHa
ชนิดต่าง ๆ ผสมกับ
Domperidone
ลักษณะไข่ปลาบึกเป็นไข่ติด ซึ่งผสมพันธุ์ครั้งนี้ได้ทำ
2 วิธี
วิธีที่
1
หลังจากที่ไข่ได้รับการผสมน้ำเชื้อแล้ว
ใช้เชือกฟางผูกเป็นพวกฉีกเป็นฝอยแล้วจุ่มในไข่เพื่อให้ไข่ติดแล้วนำไปพัก
วิธีที่
2
หลังจากที่ไข่ได้รับการผสมพันธุ์จากน้ำเชื้อแล้ว
ใช้น้ำขุ่นตะกอนริมแม่น้ำโขงล้างไข่ที่ได้รับการผสมแล้วเพื่อไม่ให้ไข่ติดกัน
3.
การลำเลียงไข่ปลาบึก
ลำเลียงโดยทางรถยนต์
โดยจะบรรจุไข่ในถุงพลาสติกภายในถุงบรรจุน้ำประมาณ
5
ลิตร
วางถุงพลาสติกบรรจุไข่บนรถกะบะพื้นรถปูด้วยผืนอวนเก่าหรือผักตบชวาและสาดน้ำจนชุ่ม
4.
การเพาะฟักไข่ปลาบึก
การเพาะฟักไข่ปลาบึกแบ่งออกเป็น
3 วิธี คือ
-
การฟักไข่ในกระชังผ้า
ไข่ปลาบึกที่ผสมแล้วจะถูกโรยบนเชือกฟางที่คัดเป็นฟอง
ซึ่งลอยในกระชังผ้าขนาด
1x2x0.75
เมตร
ที่แขวนลอยอยู่ในน้ำ
ไข่ฟักเป็นตัวในระหว่าง
28 36
ชั่วโมง
. -
การเพาะฟักไข่ในกระเช้าผ้าตาถี่
ไข่ปลาบึกจะถูกน้ำมาใส่ในกระเช้าผ้าตาถี่ซึ่งแขวนให้จมน้ำลึกประมาณ
40
ซม.
ในบ่อซีเมนต์
ขนาด
2x3
เมตร
ซึ่งมีระดับน้ำลึกประมาณ
70
ซม.
ตอนปลายของกระเช้ามีสายยาวต่อกับก๊อกน้ำเมื่อปล่อยน้ำออกจากก๊อกจะทำให้มีการไหลของน้ำภายในกระเช้าผ้า
ทำให้ไข่ลอยหมุนอยู่ภายใน
ไข่จะฟักเป็นตัวภายใน
23-33
ชั่วโมง หลังจากไข่ผสมน้ำเชื้อ
-
การเพาะฟักไข่ในบ่อซีเมนต์
นำไข่ที่ผสมน้ำเชื้อแล้วเทใส่บ่อซีเมนต์ขนาด
5 x 10
เมตร
มีระดับน้ำลึกประมาณ
40
ซม.
เหนือบ่อมีหลังคาคลุมอยู่ประมาณครึ่งบ่อ
ภายในบ่อต่อท่อแป๊บน้ำขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง
1.5
นิ้ว
ปลายอุดและเจาะรูแป๊บน้ำถึงก้นเป็นระยะห่างกันประมาณ
20
ซม.
ความยาวของท่อประมาณ
6
เมตร
วางท่อตรงกลางบ่อ
ปลายท่อต่อสายยางกับปั้มลม
แล้วปล่อยลมไหลผ่านท่อยางเข้าสู่แป๊บน้ำตลอดเวลา
ไข่ฟักเป็นตัวในระยะเวลา
26 33
ชั่วโมง
การอนุบาลลูกปลาบึกวัยอ่อน
(Fry Nursing)
การอนุบาลแบ่งออก 2 ระยะคือ ระยะแรกอนุบาลตั้งแต่ลูกปลาฟักออกเป็นตัว ถึงอายุประมาณ 5-6
วัน ระยะที่สองตังแต่ลูกปลาอายุ 5-6 วัน
จนถึงอายุ 1718
วัน
ระยะแรก
อนุบาลลูกปลาบึกหลังฟักเป็นตัวจนถึงอายุ
5-6
วัน
ในบ่อซีเมนต์ขนาด
6
ตารางเมตร
ใช้อัตราปล่อย
4,167
ตัวต่อลูกบาศเมตร
ให้ไรแดงมีชีวิตเป็นอาหารในอัตราไรแดง
60
กรัมต่อลูกปลา
5,000
ตัวต่อครั้งและแบ่งเวลาในการให้อาหารเป็น
2
ช่วง
คือ
ระยะ
3
วัน
แรกให้อาหาร
8
ครั้ง
หลังจากนั้นให้อาหาร
6
ครั้ง
ระยะเวลาในการอนุบาลลูกปลาในบ่อซีเมนต์
มีผลต่ออันตราการรอดตายของลูกปลา
กล่าวคือระยะเวลาที่เหมาสมที่ใช้ในการอนุบาลลูกปลาบึกวัยอ่อนในบ่อซีเมนต์ควรอยู่ระหว่าง
5-6
วัน
พอเริ่มเข้าวันที่
7
ของอนุบาลลูกปลาเริ่มทยอยตายและหากอนุบาลนานเกินไป
จะส่งผลให้อันตราการรอดต่ำ
ดังนั้นควรย้ายลูกปลาไปอนุบาลต่อในบ่อดิน
ระยะที่สอง
อนุบาลลูกปลาบึก
อายุ
5 6
วัน
ถึงอายุ
17-18
วัน
ในบ่อดิน
บ่อดินที่เหมาะสมในการอนุบาลลูกปลาบึกคือ
800
ตารางเมตร
โดยปล่อยลูกปลา
18
ตัวต่อตารางเมตร
ระดับน้ำลึก
60 70
เซนติเมตร
การให้อาหารวันแรกให้ไรแดงมีชีวิต
2
กิโลกรัมต่อบ่อ
วันต่อมาให้ปลาเป็ดบดละเอียดสาดทั้งบ่อ
ครั้งละครึ่งกิโลกรัม
ทุก ๆ
6
ชั่วโมง
พร้อมทั้งให้ไรแดงเสริมอีกบ่อละ
1
กิโลกรัม
หลังจาก
3
วันแล้วเปลี่ยนจากปลาเป็ดเป็นอาหารผสมมีระดับโปรตีน
27
เปอร์เซ็นต์
วันละครั้ง ๆ ละครึ่งกิโลกรัมเสริมด้วยไรแดงครั้งละ
1
กิโลกรัมทุก
3
วัน
อายุของลูกปลาที่จะนำไปอนุบาลในบ่อดินเป็นสิ่งที่ควรคำนึงเป็นอย่างมาก
จากการทดลองนำลูกปลาวัยอ่อนที่ถุงไข่แดงยังยุบไม่หมดไปอนุบาลในบ่อดิน
จะมีอัตราการรอกตายต่ำมากหรือตายทั้งหมดหากใช้ลูกปลาอายุ
5 6
วัน
ซึ่งแข็งแรงพอที่จะปรับตัวในสภาพแวดล้อมใหม่ได้แล้วไปอนุบาลต่อในบ่อดินขนาดเล็ก
จะมีอัตราการรอดตายที่ค่อนข้างสูง
ลูกปลาบึกที่พร้อมแจกจ่ายหรือปล่อยสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ
|
ลูกปลาที่พร้อมปล่อยลงสู่แม่น้ำโขงและอ่างเก็บน้ำควรมีขนาดความยาวประมาณ
30
เซนติเมตร
น้ำหนักโดยประมาณ
1
กิโลกรัม
เพื่อเป็นหลักประกันว่าปลาบึกจะได้ปลอดภัยจากการถูกชาวประมงจับ
|